ไทยวา ทรานฟอร์มองค์กรสู่ธุรกิจอาหาร ปี 2030 ตั้งเป้าลงทุน 1 พันลบ. ใน 4 ปี เตรียมออกสินค้าใหม่ เส้นเล็กน้ำปลาร้า เร็วๆนี้

กองบรรณาธิการ

โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยวา กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทรานฟอร์มธุรกิจไปสู่บริษัทที่เน้นธุรกิจอาหาร หรือ Food Company ภายใต้วิศัยทัศน์ Thai Wah 2030 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนด้านอาหารและนวัตกรรมมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหารปนะมาณ 4,000 ล้านบาทภายในปี 2030 โดยการดำเนินมุ่งสู่เป้าหมายปี 2030 หรือปี พ.ศ. 2573 ผ่านการขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์หลัก

• เดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอ ไทยวาตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ให้เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 โดยจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้สูงที่สุด และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายนอกเหนือจากวุ้นเส้น เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า เส้นมันเทศ วุ้นเส้นสด วุ้นเส้นแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean sheet) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง เส้นหมี่สด เส้นหมี่แห้ง เส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุงและพร้อมรับประทานต่าง ๆ  นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ Clean-label รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน และปลอด GMO เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอนี้ส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น จากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและพรีเมียมมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะออกสินค้าใหม่ 3 รายการ อาทิ เส้นเล็กน้ำปลาร้าสู่ตลาดเร็วๆนี้

• ขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง ไทยวากำลังมุ่งขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือต่างๆ ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชน รวม 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น

• เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยวา ยังคงสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงาน ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่าย 80-100 ล้านบาทโดยได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไร เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนโมเดลของธุรกิจ HVA ของไทยวา มีการจัดการที่ดีตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหาร B2B ของบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือฟิลิปปินส์ โดยธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลังและส่วนประกอบอาหารที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า นับเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไทยวามีลูกค้า HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก

ฮวา กล่าวว่า ไทยวา ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชีย ภายในปี 2573 โดยจะพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวน และมีเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการ แต่เราต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้กับผู้บริโภคในเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ ด้วยความแข็งแกร่งด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกปี รวมถึงจะมีการปรับศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เป็น R&D Hubในการวิจัยผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ให้ตรงกับความต้องการของตลาดในประเทศนั้นๆด้วย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเข้าใจลูกค้าในแต่ละประเทศด้วย

นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนใน 3 ปีอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยการลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาทเป็นการลงทุนในส่วนของธุรกิจอาหาร และบริษัทคาดว่ารายได้หลักจะมาจากการจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย เวียดนามและภูมิภาคเอเชียประมาณ 80%-90% ที่เหลือ 10% มาจากตลาดอเมริกา และจากมาตราการปรับภาษีของอเมริกา นับว่าเป็นการส่งผลดีกับบริษัทเนื่องจากมีการส่งออกวุ้นเส้นจากจีนไปยังอเมริกาน้อยลง ทำให้มีการส่งวุ้นเส้นจากไทยไปทดแทนสินค้าจากจีน ทำให้มีรายได้มากขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสสี่ปีที่ผ่านมาและไตรมาสหนึ่งในปีนี้

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำความสามารถในการพลิกฟื้นด้วยการเติบโตของกำไร และแนวโน้มธุรกิจที่สดใส ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ไทยวายังสามารถปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร โดยในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมียอดขายรวม 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA 285 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกำไร 12% ของยอดขาย ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 171 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 50% นอกจากนี้ กำไรสุทธิอยู่ที่ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 77% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยผลสำเร็จเกิดจากการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง การบริหารจัดการต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยธุรกิจอาหารของไทยวาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่น ๆ ในไทยและเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรบริษัท ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน ขยายธุรกิจไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ ญี่ปุ่นเป็นต้น

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังมีความท้าทาย แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทฯ จะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องในปีต่อๆ ไปจนถึง 2573

#ไทวา #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *