กองบรรณาธิการ

รองนายกฯ ประเสริฐ ให้เกียรติมอบรางวัลแก่กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชน ผู้ชนะจากเวที Digital Agriculture Final Pitching Day ในโครงการ OTOD#2 ชิงทุนสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ชี้ OTOD#2 มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ช่างชุมชน และกลุ่มชุมชน พร้อมเปลี่ยนผ่านเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร – แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ – IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า
500 ล้านบาทต่อปี พร้อมประกาศเดินหน้าโครงการ OTOD AI Transformation ช่วยชาติ และ OTOD ทุเรียนดิจิทัล ดันเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) กล่าวว่า ภาคเกษตรกรรมมีความสำคัญและถือเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดีอี มุ่งพัฒนาศักยภาพเกษตรกรโดยการส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการขับเคลื่อนให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการเกษตร (Digital Agriculture) มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ซึ่งถือเป็นส่วนช่วยในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ และหนึ่งในโครงการสำคัญที่เป็นกลไกขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวคือ โครงการ One Tambon One Digital: OTOD#2

“โครงการ OTOD#2 ส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลภาคการเกษตรแก่เกษตรกร กลุ่มชุมชน และช่างชุมชนใน 5 ภูมิภาคทั่วไทย โดยมีจำนวนผู้เข้ารับการส่งเสริมแยกตามภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 54.83% ภาคเหนือ 18.88% ภาคกลาง 14.16% ภาคตะวันออก 8.31% และภาคใต้ 3.82% ซึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ อินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (IoT) ภาคการเกษตรอัจฉริยะ โดรนเพื่อการเกษตร และแทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ ตามลำดับ ทั้งหมดจะช่วยส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการสร้างสังคมดิจิทัลบนฐานความรู้อย่างทั่วถึง สนองตอบเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศตามแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า โครงการ OTOD#2 มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการเกษตร เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการจัดการผลผลิต อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะในอนาคต และยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มชุมชน เกษตรกร ช่างชุมชน อีกทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ด้วยการประยุกต์ใช้ 3 เทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE และขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ได้แก่ โดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ OTOD#2 เริ่มต้นตั้งแต่การจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน 3 เทคโนโลยี จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะเข้มข้น (Accelerate) ซึ่ง ดีป้า ได้ลงพื้นที่ 11 จังหวัด และจัดกิจกรรมอบรมข้อมูลเทคโนโลยี จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เขียนข้อเสนอโครงการ และการนำเสนอ (Pitching) ข้อเสนอโครงการที่ผ่านการคัดเลือก (Pre-screen) ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่เวทีตัดสินระดับประเทศในวันนี้
“โครงการ OTOD#2 เป็นโครงการที่เราเน้นให้เกษตรกรที่เป็นกลุ่มชุมชน และกลุ่มธุรกิจชุมชน สามารถ ‘คิดเอง ทำเป็น ทำได้’ เริ่มจากการเรียนรู้และการคัดเลือกเทคโนโลยีด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน โดยมี ดีป้า เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนเพิ่มทักษะเรื่องเทคโนโลยี โดยเรียนรู้ผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์อย่างต่อเนื่องกว่า 550,000 ราย มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมยกระดับทักษะเข้มข้นกว่า 1,300 รายจากเป้าหมาย 1,000 ราย และมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบ Final Pitching กว่า 500 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาทักษะ Digital Agriculture เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยสู่เกษตรอัจฉริยะ และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

สำหรับกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day เป็นเวทีตัดสินสุดยอดโครงการยกระดับชุมชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนจาก
5 ภูมิภาคได้โชว์ศักยภาพ แบ่งเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี จำนวน 350 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูดสุด 150,000 บาทต่อโครงการ และ 2. ประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชน จำนวน 50 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีรางวัลดีเด่นสำหรับสุดยอดโครงการของทั้ง 2 ประเภท อีก 3 รางวัล รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล โดยทีมชนะเลิศได้รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 1 รับรางวัลมูลค่า 30,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับรางวัลมูลค่า 20,000 บาท ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคือ วิสาหกิจชุมชนหอมเชียงม่วนภาคเหนือ และทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชนคือ อรันดร์ จันโท
#รองนายกฯประเสริฐ #ดีอี #โครงการOTOD#2 #ThaiSMEs