เอไอเอส ผนึกพันธมิตร จัดอบรมหลักสูตร Transformative Infinite SMEs เผย 6 กลยุทธ์เพื่อสร้าง Ecosystem หนุนทรานส์ฟอร์มเอสเอ็มอีให้โตอย่างยั่งยืน

กองบรรณาธิการ

จากตัวเลขของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี มากกว่า 3 ล้านราย และสามารถสร้างรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (GDP SME) ไตรมาสที่ 1/2568 ขยายตัว 3.2% มีมูลค่า 1.66 ล้านล้านบาท มีการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.19% คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP รวม เท่ากับ 35.0% เพื่อรองรับการเติบโตของเอสเอ็มอีและการทรานส์ฟอร์มธุรกิจแบบเดิมสู่การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยต่อยอดธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ สร้างรายได้ที่มากขึ้นและยั่งยืน 

AIS Infinite SMEs จัดอบรมหลักสูตร Transformative Infinite SMEs ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีและทายาทธุรกิจรุ่นใหม่อย่างรอบด้าน ช่วยเพิ่มศักยภาพ และต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ทั้งในด้านเทคโนโลยี กลยุทธ์ทางธุรกิจ และการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร ด้วยเนื้อหาที่ลึกซึ้งและเวิร์กชอปเชิงปฏิบัติ ซึ่งตอบโจทย์ Pain Point สำคัญของ SMEs ไทยได้อย่างตรงจุด เพื่อยกระดับขีดความสามารถและทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการโครงการ AIS Infinite SMEs กล่าวว่า การจัดอบรมหลักสูตร Transformative Infinite SMEs ครั้งนี้ มีผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการจำนวน 30 ราย จากที่มีสมัครเข้ามากว่า400 รายจากหลากหลายภาคธุรกิจ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงงาน ภาคการค้าภาคบริการ และประมาณ 40% เป็นธุรกิจครอบครัว

“กว่า 15 ปี ที่ AIS ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี เราเห็นการเติบโตจากบริษัทที่มีขนาดเล็ก วันนี้พอเขาเติบโตขึ้นเป็นบริษัทใหญ่ เราจึงต้องพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่มีให้โตไปพร้อมกับเขาด้วย เพื่อที่จะสามารถสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีได้เหมาะสมและต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดโดยแท้จริง”

ดร.ศรีหทัย กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ของ AIS Infinite SMEs ที่ใช้สนับสนุนการทรานฟอร์มธุรกิจเอสเอ็มอีสู่ยุคดิจิทัล ผ่านกลยุทธ์ “3 เชื่อม 3 ส”ประกอบด้วย 

1. เชื่อมเทคโนโลยี ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หรือ Digital Infrastructure รวมถึงนวัตกรรม Cloud และ AI ที่แข็งแกร่งของ AIS

2. เชื่อมพันธมิตร ผสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพิ่มศักยภาพในการให้บริการให้กับเอสเอ็มอี

3. เชื่อมตลาด ผ่านพันธมิตรเครือข่ายโอเปอเรเตอร์ของ AIS ที่มีกว่า 40รายทั่วโลก ซึ่งช่วยเสริมขีดความสามารถในการเชื่อมต่อตลาดเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการไปยังตลาดต่างประเทศ

ในส่วนของกลยุทธ์ 3 ส นั้น ประกอบด้วย เสริม สร้าง และ สยายปีก

โดยในส่วนของการเสริมนั้น AIS จะเสริมทักษะที่เหมาะสมให้กับแต่ละขนาดของเอสเอ็มอี นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างระบบที่เป็นมาตรฐานหรือขยายขนาดของเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และในส่วนของการสยายปีกจะช่วยขยายตลาดของเอสเอ็มอีให้พร้อมรองรับกับการเติบโต

“การจัด Transformative Infinite SMEs ครั้งนี้ เป็นการเริ่มทำครั้งแรกเพื่อรับความต้องการของเอสเอ็มอี ก่อนที่จะขยายรูปแบบในการสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างครบวงจร นับตั้งแต่การเป็นพันธมิตรที่ช่วยเจรจาเรื่องสินค้า บริการ รวมถึงความร่วมมือด้านเครือข่าย นำไปสู่การสร้าง Ecosystem for SMEs 

ดร.ศรีหทัย กล่าวต่อว่า AIS เริ่มขยายบทบาทจากผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สู่การเป็น Growth Enabler ที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

“ในอนาคต เราจะนำเอาความเป็นมืออาชีพขององค์กรใหญ่เข้าไปอัปเลเวลความเป็นเถ้าแก่ ให้เอสเอ็มอีสามารถที่จะสื่อสารหรือทำBusiness Model ต่าง ๆ กับองค์กรใหญ่ได้อย่างเต็มศักยภาพ” 

ด้าน แววตา ปราชญ์เมธีกุล กรรมการและเลขานุการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว (AFBE) และ Founder & Chairman บลน. ยูเนี่ยน เว็ลธ์จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับ AIS ในการส่งเสริม SMEs ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น เนื่องจากภาคธุรกิจมีการทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมากโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี จะเริ่มเห็นธุรกิจรุ่นคุณพ่อคุณแม่เริ่มวางมือแล้ว แต่ปัญหาที่เจอก็คือลูกที่เรียนจบมาจากต่างประเทศ ไม่อยากสานต่อธุรกิจพ่อแม่

โจทย์ของสมาคมฯ คือจะทำอย่างไรให้ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยเรามองว่าการมีมืออาชีพมาช่วยบริหารธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจครอบครัว เป็นหนึ่งวิธีที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและมีศักยภาพอย่างยั่งยืน เนื่องจากคนที่มาทำงานในธุรกิจครอบครัวต้องมีความเป็นมืออาชีพ และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตต่อไป

“ธุรกิจส่วนใหญ่ คุณพ่อคุณแม่เจนแรกเบื้องหลังเขาฝ่าฟันทุกสิ่งอย่างล้มลุกคลุกคลานมาถึงมีวันนี้ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือกลัวให้ลูกลำบาก ไม่แปลกที่จะไม่กล้าให้ลูกได้ลอง ดังนั้นเราต้องกล้าที่จะมีงบประมาณให้เขาได้ลองผิดลองถูก ไม่ใช่เขาไม่มีใจ ไม่อยากทำ แต่ว่าในความเป็นจริงของชีวิต เราไม่มีทางทำหนึ่งเรื่องแล้วถูกทันที เราต้องหาซัคเซสเซอร์ผู้ประสบความสำเร็จมาช่วยเสริมความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน

ศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือกับ AIS ในการส่งเสริม SMEs และมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการส่งเสริม SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ว่า เอสเอ็มอี คือ ฐานรากแห่งอนาคต ซึ่งมีศักยภาพที่จะเป็น key players ของตลาดทุนอยู่แล้ว ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) 2 ส่วน คือ การศึกษา (Education) และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับเอสเอ็มอี โดยในส่วนของการศึกษานั้น มีการให้การศึกษาในหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงติดอาวุธทางปัญญาทางธุรกิจ และการทำธุรกิจที่รองรับความยั่งยืน (Sustainability) ให้เป็นการเรียนรู้ถึงปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสในการดำเนินธุรกิจรวมถึงทำให้ธุรกิจมีความพร้อมกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมากขึ้น

ในส่วนของ Infrastructure “ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมให้ในเชิงของการเพิ่มพูนศักยภาพทางธุรกิจ ในการหาแหล่งทุนที่เป็น แหล่งทุนทางเลือก ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจ SMEs ที่จะเตรียมพร้อมในการเติบโตเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ขึ้นในอนาคต พร้อมแนะนำ” 

ผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการสนับสนุนและทรานส์ฟอร์ม SMEs สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/infinite-smes และ https://www.facebook.com/AISInfiniteSMEs
#AIS #AISINFINITESMEs #transformativeinfinitesmes #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *