กองบรรณาธิการ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงผลการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ. 2566–2577) ว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานผลการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสุขภาพในมิติต่าง ๆ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบสุขภาพไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 6.9 แสนล้านบาท หรือ 3.39% ของ GDP ภายในปี 2568 และได้มีมติเห็นชอบโครงการดำเนินงานกลุ่มหลักโดยคณะกรรมการ 6 คณะ ได้แก่ 1) Medical Service Hub 2) Wellness Hub 3) Product Hub 4) Academic Hub 5) Health Convention and Exhibition Hub 6) Facilitation of Health Service and Product Businesses

นอกจากนี้ ยังได้หารือกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรม เช่น Advanced Therapy Medicinal Products (ATMPs) การยกระดับบริการสุขภาพเฉพาะทาง อาทิ เวชศาสตร์ความงาม การรักษาภาวะมีบุตรยาก (IVF) การแปลงเพศ และการส่งเสริมภูมิปัญญาไทย เช่น การแพทย์แผนไทย สมุนไพร และการนวดไทย
“คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ยังมีความเห็นชอบว่า การขับเคลื่อนนโยบาย Wellness and Medical Service Hub อย่างเป็นระบบจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ เพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยอย่างยั่งยืน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

#รองนายกฯประเสริฐ #ไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ #ThaiSMEs